กู่ฉินและขงจื้อ
ในภาพเป็น "ฉิน" ที่ถูกขุดพบในสุสานเจ้าแคว้ นเจิง ชื่ออี่(曾侯乙)ในสมัยจ้านกว๋อ อายุ 2,400 กว่าปี มีความยาวประมาณ 67 ซม. ไม่มี"ฮุย" (หรือจุดขาวๆบนกู่ฉิน) บนตัวเครื่องไม่มีสายหลงเหล ือให้เห็น มีรูใส่สายทั้งหมด 10 รู แปลว่ามี10สาย ทำให้ได้ชื่อว่า 十弦琴 หรือ "ฉินสิบสาย" อีกทั้งโครงสร้างก็แปลกมาก โดยส่วนที่เป็นกล่องเสียงนั ้นจะสั้นๆป้อม แล้วส่วนท้ายก็จะมีหางยื่นอ อกไป ใต้หางจะมีเดือยไว้ผู้ปลายสาย ส่วนกล่องเสียงเป็นไม้สองแผ ่นที่ไม่ได้ติดกาวเอาไว้ถาว ร เพราะมีลูกบิดตั้งเสียงอยู่ ในตัว แปลว่ามันต้องสามารถแยกออกจ ากกันได้ทันทีเพื่อสะดวกในก ารปรับเสียง และผิวหน้าของตัวเครื่องที่ ไม่เรียบเท่ากัน ทำให้เครื่องดนตรีชิ้นนี้ไม ่สามารถบรรเลงแบบรูดสายได้ นั่นแปลว่าจะใช้แต่มือขวาดี ดสายเปล่าเป็นหลัก (การดีดฮาร์โมนิคปรากฎในสมั ยราชวงศ์จิ้น เมื่อ "ฮุย" เริ่มปรากฎตัวบนเครื่อง) นักวิชาการลงความเห็นว่าจาก ลวดลายและรูปทรงน่าจะเป็นเค รื่องดนตรีที่ใช้ในพิธีกรรม มากกว่าเครื่องดนตรีทั่วไป
ซึ่งในบันทึกกว่าวถึงขงจื้อ ไว้ว่า ขงจื้อก็เล่นกู่ฉินเหมือนกั น โดยใช้กู่ฉินในการสอนลูกศิษ ย์ในการจดจำท่วงทำนองของกวี เป็นหลัก เป็นเครื่องช่วยในการขับร้อ ง เรื่องนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผ ล แต่ยังมีบันทึกว่าขงจื้อตั้ งใจเรียนกู่ฉินเพลงเดียวเป็ นเวลานานมาก จนสามารถรับรู้ถึงอารม์เพลง และถึงขนาดรู้ว่า “โจวเหวินอ๋อง” เป็นผู้แต่งเพลงอีกด้วย แต่เพราะตัวเครื่องดนตรีที่ ไม่สามารถรูดสาย ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ใช้ส ื่ออารมณ์ได้ จึงทำให้กู่ฉินยุคขงจื้อนั้ น แทบไม่สามารถแสดงออกทางอารม ณ์และความคิดได้เลย ฉนั้นการที่ขงจื้อฟังออกว่า เพลงอารมณ์อย่างไร ใครเป็นผู้แต่งนั้น จึงไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไร นัก (เว้นแต่ว่าสมัยนั้นมีเพลงไ ม่มาก ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกั น) ดังนั้นนิทานที่ขงจื้อเรียน กู่ฉินนั้น น่าจะเป็นคนยุคหลังแต่งเติม เพื่อเพิ่มความสูงส่งน่าเคา รพให้กับขงจื้อมากกว่า
ในภาพเป็น "ฉิน" ที่ถูกขุดพบในสุสานเจ้าแคว้
ซึ่งในบันทึกกว่าวถึงขงจื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น