มีหลายคนมีความเข้าใจผิดเกี ่ยวกับสายของกู่ฉินว่า สายโลหะถูกผลิตขึ้นมาเพื่อท ดแทนสายไหมที่เสียงเบาและขา ดง่าย แต่เคยคิดเล่นๆมั้ยว่า จีนถลุงโลหะได้มาเป็นพันๆปี แล้ว แต่ทำไมเค้าไม่เปลี่ยนไปใช้ สายโลหะเสียแต่เนิ่นๆล่ะ ยังใช้สายไหมกันอยู่ทำไมกัน
เรื่องนี้ต้องโยงไปถึงสภาพข องสังคมในตอนนั้น ในสมัยปลายราชวงศ์ชิง การพัฒนาของศิลปะเริ่มช้าลง เพราะปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ กู่ฉินในยุคนี้เป็นยุคที่แย ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ (ราชวงศ์ถังดีที่สุด) เมื่อคนเล่นน้อยลง คนทำสายก็น้อยลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงยุคสงครามต่อต้านญี่ ปุ่น (ในช่วงปี 1937-1945) ทั้งประเทศจีน มีช่างทำสายกู่ฉินเพียงคนเด ียวเท่านั้น แต่ตอนนั้นเป็นยุคการรื้อฟื ้นศิลปะวิทยาการโบราณ คนเล่นกู่ฉินมากขึ้นอีกครั้ ง แต่สายไม่พอใช้เสียแล้ว จนถึงขนาดว่ามีเงินก็หาไม่ไ ด้แล้ว ตอนนั้นถึงกับมีคำพูดที่ว่า "ฉินดีแต่ไม่มีสายดีๆให้ใช้ " ขณะนั้น อ.อู๋จิ่งเลี่ยว(吴景略)ก็ได้ท ำการคิดค้นประดิษฐ์สายที่ใช ้ทดแทนไหมขึ้นมาชั่วคราว นั่นคือสายโลหะหุ้มด้วยไนลอ นสองชั้น และด้วยเสียงที่ดัง (สมัยนั้นศิลปะต้องรับใช้สา ธารณชนได้ กู่ฉินที่เล่นคนเดียวจึงถูก มองว่าเห็นแก่ตัว) ทนทาน ขาดยาก ทำให้สายโลหะหุ้มในลอน กระจายไปทั่วจีนอย่างรวดเร็ ว และเป็นที่นิยมจนถึงทุกวันน ี้
เมื่อคนเล่นกู่ฉินมากขึ้นแล ้ว ศิลปะการทำสายไหมก็กลับมามี ชีวิตอีกครั้ง แต่ถึงตอนนี้มันก็เหมือนจะส ายไปเสียแล้ว เพราะคนจีนรุ่นใหม่ค่อนข้าง จะถูกใจกับเสียงสังเคราะห์ม ากกว่า เพราะเป็นเสียงที่ขึ้นเวทีไ ด้ เสียงที่ให้ความคมชัดกว่า เมื่อมีคนเล่นสายไหมน้อยลง ราคาสายไหมจึงกลายเป็นสองเท ่าของสายโลหะ ซึ่งก็อาจเป็นสาเหตุที่จะทำ ให้สายไหมหายไปอีกครั้งไปอน าคตอันไกล้นี้
ส่วนตัวผมรู้สึกดีใจที่นักเ รียนของสำนักหยวนอวิ้นซานฝา งทุกคน ยังคงใช้สายไหมแบบดั้งเดิมอ ยู่ นอกจากนี้ประเทศอื่นๆไม่ว่า จะเป็นเอเชียหรือยุโรป หลายที่ก็ใช้สายไหมมากกว่า ตอนนี้กลับกลายเป็นว่านักกู ่ฉินผู้บ่มเพาะในวิถีดั้งเด ิมในจีน กลับมีจำนวนน้อยกว่าผู้สนใจ โพ้นทะเลเสียแล้ว
เรื่องนี้ต้องโยงไปถึงสภาพข
เมื่อคนเล่นกู่ฉินมากขึ้นแล
ส่วนตัวผมรู้สึกดีใจที่นักเ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น