หลายคนยังคงเข้าใจผิดว่า ไมที่ใช้ทำกู่ฉินเป็นไม้เนื้อแข็ง จำพวกชิงชัน ประดู่ เพราะเห็นดูตัวสีดำๆ ซึ่งนั่นชั้นเคลือบครับ ไม้จริงๆอยู่ข้างใน และไม้ทำกู่ฉินก็ไม่ควรใช้ไม้เนื้อแข็งด้วย เพราะอะไร ผมจะอธิบายให้ฟังครับ
“轻 松 脆 滑”
ชิง ซง ชุ่ย ฮว๋า เป็นสี่คุณสมบัติสำคัญของไม้ ที่ช่างโบราณใช้ในการคัดเลือกไปทำกู่ฉิน ชิง หมายถึงมีน้ำหนักเบา ซง หมายถึงเนื้อโปร่ง ชุ่ย หมายถึงกรอบ แตกง่าย ฮว๋า หมายถึงลื่นมือ
ชิง ซง ชุ่ย ฮว๋า เป็นสี่คุณสมบัติสำคัญของไม้ ที่ช่างโบราณใช้ในการคัดเลือกไปทำกู่ฉิน ชิง หมายถึงมีน้ำหนักเบา ซง หมายถึงเนื้อโปร่ง ชุ่ย หมายถึงกรอบ แตกง่าย ฮว๋า หมายถึงลื่นมือ
จริงๆแล้วรอบตัวกู่ฉินประกอบไปด้วยไม้ที่มีความแข็งต่างกันถึงสามระดับ ไม้ชิ้นบน จะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่สุด ไม้ชิ้นล่างจะแข็งปานกลาง และส่วนประกอบย่อยจึงจะใช้ไม้เนื้อแข็ง ซึ่งสี่คุณสมบัติจะเจาะจงไปที่ไม้แผ่นบนที่สุด เพราะส่วนนี้เป็นตัวตัดสินทั้งในเรื่องของคุณภาพเสียงและอายุการใช้งานครับ
คุณสมบัติ ชิง ซง ชุ่ย ฮว๋า นั้นไม่เพียงเป็นการบอกถึงประเภทไม้ที่ใช้ แต่ยังมีนัยถึงอายุของไม้ที่ใช้ด้วย ถ้าไม้เนื้ออ่อนแต่ยังสดอยู่ มันก็จะไม่เบาไม่โปร่งไม่เปราะไม่ลื่น ซึ่งก็จะยังเอามาทำกู่ฉินไม่ได้ครับ
หน้าที่หลักของไม้แผ่นบน คือให้เสียงที่นุ่มและโปร่ง ไม้แผ่นล่างที่แข็งปานกลางจะช่วยเพิ่มความเร็วให้คลื่นเสียงสะท้อนขึ้นไปด้านบนอีกที่ แต่ไม้แผ่นบนที่โปร่งมากจะอนุญาตให้เสียงลอดออกไปได้ง่าย ดังนั้นคนโบราณจึงนำรักธรรมชาติมาเคลือบ เพื่อกักเสียงให้สะท้อนอยู่ภายใน และบังคับให้ออกเฉพาะช่องเสียงสองช่องที่อยู่ทางด้านล่างเท่านั้น และนี่แหล่ะคือสาเหตุที่ว่าทำไมกู่ฉินถึงมีเสียงที่กังวานมากๆ แต่ถ้าใช้ไม้เนื้อแข็งมาทำล่ะ อย่างแรก สายไม่มีกำลังมากพอที่จะทำให้ไม้สั่นสะเทือน สอง ไม้เนื้อแข็งไม่ยอมให้เสียงเล็ดลอดเลย ซึ่งเสียงที่ได้ก็จะอับไปเลย ไม้เนื้อแข็งจึงไม่เป็นที่นิยมในการทำกู่ฉินครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น