วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

กู่ฉิน และตัวตน

หลังราชวงศ์ซ่ง ค่านิยมลัทธิหยูค่อนข้างเข้มแข็ง จากดนตรีของชนชันปกครอง ได้กลายมาเป็นดนตรีของชนชั้นรู้หนังสืออย่างจริงจัง ทำให้เกิดค่านิยมในหมู่คนที่เรียกตนเองว่าวิญญูชนว่า คนรู้หนังสือต้องเล่นกู่ฉิน เห็นคนถือกู่ฉินแสดงว่าคนนั้นรู้หนังสือ 

กู่ฉินจากดนตรีธรรมชาติกึ่งสมาธิ ที่เล่นเพื่อให้รู้ทันจิตใจของตนเอง ก็ได้กลายมาเป็นเครื่องประดับฐานะทางการศึกษาตามเงื่อนไขและบริบททางสังคมอย่างเต็มตัว กู่ฉินยังถูกจับเรียงเป็นหนึ่งในสี่งานอดิเรคของวิญญูชน อันได้แก่ กู่ฉิน หมากล้อม เขียนอักษรและวาดภาพจีนอีกด้วย ซึ่งค่านิยมนี้ยังคงส่งอิทธิพลมาจนถึงทุกวันนี้ 

จากการสังเกตุและคลุกคลีในวงการศิลปะวัฒนธรรมจีนโบราณระดับสูงมาเป็นเวลาพอสมควร พบว่าคนที่เชี่ยวชาญด้านหนึ่งอย่างสุดๆ จะไม่ยุ่มย่ามกับศาสตร์อื่นๆมากนัก อาจมีเสพบ้างเป็นปกติ ส่วนคนที่พยายามจะศึกษาหลายๆอย่างพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่อดิเรกฯ และถ้าเค้าพยายามพรีเซนต์ตัวเองอยู่เสมอ มักจะอยู่ในกลุ่มคนที่ได้รับอิทธิพลของลัทธิหยูหลังราชวงศ์ซ่ง คือใช้เครื่องมือเหล่านั้นในการสร้างภาพ เพื่อให้สังคมเห็นว่าตนเป็นวิญญูชนนั่นเอง ศ.หลี่เสียงถิง ผู้เชี่ยวชาญด้านกู่ฉินประจำวิทยาลัยดนตรีจีน เคยกล่าวกับผมว่า "ในประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครทำได้ทั้งสี่ ถ้าทำพร้อมได้ทั้งสี่ ก็ไม่มีวิชาไหนที่ทำได้ดี"รูปภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น